บทความในบล็อกนี้ ผมจะวิพากษ์วิจารณ์คำสอนของนักปริยัติ/พุทธวิชาการว่า บกพร่องอย่างไร โดยจะเปรียบเทียบกับการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมมีหลายสาย ผมเองมีความถนัดในบางสาย และเชี่ยวชาญมากในสาย “วิชาธรรมกาย” จึงจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับวิชาธรรมกายมากกว่าสายอื่นๆ
เหตุผลที่ต้องนำคำสอนหรือผลงานของนักปริยัติมาชำแหละก็เป็นเพราะว่า นักปริยัติ/พุทธวิชาการหันหลังให้กับคำสอนของพระพุทธเจ้า
นักปริยัติ/พุทธวิชาการพวกนี้ ไม่เชื่อว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อริยสัจ 4 เมื่อปรินิพพานแล้วไปอยู่ในอายตนะนิพพาน
บุคคลกลุ่มนี้ เชื่อว่าพระพุทธองค์เป็นนักคิดหรือนักปรัชญาคนหนึ่งเท่านั้น บุญ-บาป, นรก-สวรรค์ไม่มีจริง เป็นเพียงกุศโลบายที่ต้องการให้คนทำความดีเท่านั้น
บุคคลกลุ่มนี้ ละทิ้งศีลธรรมของศาสนา แต่ไปนำ “จริยธรรม” (Ethic) กับ “คุณธรรม” (Moral) เข้ามาแทน
คำสอนของพุทธวิชาการ/นักปริยัติจึงทำลายนรก-สวรรค์ลงไป เพื่อเปิดทางให้จริยธรรมกับคุณธรรมมาแทน
ปัจจุบันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า จริยธรรมกับคุณธรรมที่เข้ามากับปรัชญาตะวันตกนั้น ไม่เหมาะสมกับคนไทย มาตรฐานศีลธรรมของคนไทยแตกต่างจากชาวตะวันตก
กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถทำให้คนไทยมีจริยธรรมกับคุณธรรมตามที่พวกเขาต้องการได้ บุคคลเหล่านั้น ไม่ได้โทษตัวเองว่า กระทำความผิดอย่างมหันต์ต่อประเทศชาติ แต่ไปโทษสังคมทุนนิยมให้เป็นแพะรับบาป
เมื่อทำลาย “ศีลธรรม” ลงไปแล้ว จริยธรรมกับคุณธรรมจากซีกโลกตะวันตกก็มาแทนไม่ได้ ประชาชนคนไทยยุคนี้ จึงขาดสำนึกในการทำความดีโดยสิ้นเชิง
เข้ายุคมือใครยาวสาวได้สาวเอา นักการเมืองโกงกิน ข้าราชการคอร์รัปชั่น ลูกหลานไม่เชื่อฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์
สังคมไทยเข้าสู่ “วิกฤติ” ทางศีลธรรม ก็เพราะนักปริยัติ/พุทธวิชาการที่สอนผิดๆ กลุ่มนี้
ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยควรตระหนักถึงความผิดพลาดของนักปริยัติ หันกลับมาสู่ “การปฏิบัติธรรม” เพื่อที่จะไม่ให้สังคมไทยตกต่ำไปกว่านี้
********************************
Dr. Manas Komoltha (Ph.D. Integrated Sciences)
Faculty of Sciences and Liberal Arts
Rajamangala University of Technology Isan