พระของศาสนาพุทธเถรวาทในประเทศไทย มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ พระปริยัติกับพระปฏิบัติ เมื่อก่อนนี้ พระปริยัติจะไม่ “กล้าหือ” กับพระปฏิบัติ
เหตุผลก็คือ
พระปริยัติรู้ตัวเองดีว่าเป็น “เถรในลานเปล่า”
ศึกษาศาสนาแค่การอ่าน ไม่สามารถปฏิบัติได้
ผลก็คือ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เข้าใจ “ปฏิเวธ”
เมื่อวิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน
กาลิเลโอ เดสคาร์ตเข้ามาในประเทศไทย
ความโด่งดังของวิทยาศาสตร์ ทำให้พระปริยัติ “แข็งข้อ”
กับพระปฏิบัติ
เมื่อความรู้ทางโลกในวงการศาสนากว้างขึ้น พระปริยัติจากที่ “แข็งข้อ”
ก็เริ่ม “ดูถูก”
พระปฏิบัติกันเลยทีเดียว
จะเห็นว่า
พระปฏิบัติซึ่งส่วนใหญ่ไม่ศึกษาการศึกษาในระบบปัจจุบัน
จะถูกผลักไปอยู่ชายขอบของวงการศาสนา
ในเถรสมาคมซึ่งคงจะหมดสภาพไปเรื่อยๆ ไม่มีพระปฏิบัติเป็นกรรมการอยู่เลย มีแต่พระปริยัติทั้งสิ้น
พระปริยัติแข็งข้อถึงขนาดที่ว่า
“ไม่เอาผลการปฏิบัติมาศึกษากันเลย”
พระที่เอาใจออกนอกศาสนาพุทธ เช่นพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฏก/พระประยุทธ์ถึงกับโจมตีผลการปฏิบัติเลยทีเดียว
ทั้งๆ
ที่พระรูปนี้ ก็เขียนและพูดอยู่ตลอดว่า “การศึกษาศาสนาพุทธนั้น
ต้องยึดหลักการปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ”
ตัวพระรูปนี้เอง
ไม่เคย “ปฏิบัติ” แล้วพระรูปนี้ จะมีความรู้
ความเข้าใจในทางศาสนาได้ซักแค่ไหน
มันก็แค่ อาศัยผ้าเหลืองกินไปวันๆ แต่ไม่ได้ช่วยสืบต่อศาสนาเลย แม้แต่นิดเดียว
มีแต่ทำลายศาสนา
ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะสงสัยว่า
ทำไมวิพากษ์พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฏก/พระประยุทธ์ด้วยความรุนแรงถึงขนาดนั้น
ผมขอบอกว่า
“แค่นั้นยังน้อยไป” กับความผิดของพระรูปนี้
1- พระรูปนี้ ไม่เชื่อว่า
“นรก-สวรรค์” มีจริง
2- พระรูปนี้ ไม่เชื่อว่า “อิทธิปาฎิหาริย์”
มีจริง
3- พระรูปนี้ ไม่เชื่อว่า
“การเวียนว่ายตายเกิด” มีจริง
แล้วพระรูปนี้
จะบวชไปทำไม
ทำไมไม่สึกไปเสีย
กลับมาเข้าเรื่อง
ภาพด้านบนนั้น กำลังเป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน คือ เด็กฝรั่งคนหนึ่ง
ท่านระลึกชาติได้ว่า เมื่อก่อนเคยเป็นดาราภาพยนตร์
การเวียนว่ายตายเกิดที่นักวิทยาศาสตร์เขาศึกษา
และนำมาเผยแพร่นั้น มีมานานแล้ว เท่าที่รู้จักกันในประเทศไทยก็ เช่น ดร. เอียน
สตีเวนสัน กับ ดร. ไบรอัน ไวส์” เป็นต้น
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนี้
สนับสนุนคำสอนของพระพุทธศาสนาได้ดีมาก เพราะ เป็นผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์
ขอให้ท่านผู้อ่านสังเกตดูว่า
พระปริยัติทั้งหลายทั้งปวงเคยเอาเรื่องนี้มาขยายความต่อหรือไม่ นอกจากจะไม่ขยายความต่อแล้ว พระปริยัติทั้งหลายทั้งปวงยังหาว่าเรื่องดังกล่าวไม่จริงเสียด้วย
ความโง่ของพระปริยัติทั้งหลายทั้งปวงก็คือ
นักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขียนไปนั้นมี 2 กลุ่ม
กลุ่มหนึ่งคือ
วิทยาศาสตร์เก่าแบบนิวตัน กาลิเลโอ เดสคาร์ต ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้
(ซึ่งตอนนี้ ตกกระป๋องไปแล้ว) ขัดกับหลักของศาสนาพุทธ
อีกกลุ่มหนึ่งคือ
นักจิตวิทยา เช่น ดร. เอียน สตีเวนสัน กับ ดร. ไบรอัน ไวส์ เป็นต้น ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้
สนับสนุนหลักของศาสนาพุทธ
พระปริยัติเลือกเชื่อวิทยาศาสตร์
ที่ความรู้ขัดกับหลักของศาสนาพุทธ
มีคนเอาเรื่องนี้
ไปตั้งกระทู้ชื่อ “Reincarnation - เด็กอเมริกันวัย
10 ขวบระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นดาราฮอลลิวู้ด”
ในเว็บพันธุ์ทิพย์
มาดูตัวอย่างการให้ความเห็นของพวกสมองหมา
ปัญญาควายที่ไม่เชื่อเรื่องนี้กัน
ข่าวลงปุ๊ป ป่านนี้ติ่งทั้งหลายเชื่อกันสนิทใจเข้าไปใหญ่
แถมเป็นสื่อต่างชาติอีก คราวนี้กู่ไม่กลับแล้ว
ทำไมน้อ พอระลึกชาติได้
เล่นเรื่องตัวเองล้วนๆ เลย
พอลองถามเรื่องเลข ข้อสอบต่างๆ ดูสิ ใบ้กันหมด
คาดว่าสมัยก่อนคงไม่ได้เรียนหนังสือมั้ง
สมมุติข่าวนี้เป็นความจริงนะ
การนั่งสมาธิไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ
เพราะเด็กคนรู้ไม่เคยนั่งสมาธิ หรือทำบุญ เป็นคริสตเตียนครับ ไม่มีเรื่อง บาป บุญ
นั่งสมาธิเลยครับ ไงละ เอาอะไรมาแย้งทีครับ รออยู่
ไอ้นี่
สมองหมา ปัญญาควายตัวจริงเสียงจริง แต่ความรู้ของมันคงไม่มากนัก ไม่รู้ระบบคิดของมันเป็นยังไง
การระลึกชาตินั้น
ธรรมชาติของสิ่งนี้ก็คือ จำได้ว่า ชาติก่อนเป็นใคร มันเสือกจะไปถามเรื่องเลข เรื่องข้อสอบ ควายอย่างมันนี้หายาก
อีกเรื่องหนึ่งคือ
เสือกโจมตีเรื่องการปฏิบัติธรรมไปเลย
การระลึกชาติแบบนี้
เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องปกติ
ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนที่ตายแล้วเกิดเร็ว
การระลึกชาติที่เป็นมาตรฐานในวิชชา 3 ยังต้องใช้การปฏิบัติธรรมอยู่
ความเห็นที่ว่านั้น
การศึกษาไม่น่าจะเกิน ม. 6 คงเป็น ม. 6
โง่ๆ ด้วย
มาดูการให้ความเห็นของพระรูปหนึ่งที่ใช้ชื่อ
“เตชปัญโญ ภิกขุ” กันบ้าง
อย่าเชื่อ เพียงเพราะเหตุว่ามีคนเขาบอกมา
หรือ เพียงเพราะว่ามีคนเขากำลังลือกันอยู่อย่างกะฉ่อน ไม่รู้จักใช้ปัญญากันเลย
ไม่สมกับเป็นชาวพุทธเลย
นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของพระปริยัติทั้งหลายทั้งปวง
ซึ่งเชื่อวิทยาศาสตร์ที่ขัดกับหลักศาสนาพุทธ
แกจึงแถไปหากาลามสูตรแบบตรรกะเพี้ยน
ขอให้ดูคำบรรยายใต้ภาพด้านบน
ผมเอามาลงอีกที ไม่รู้ว่า “เตชปัญโญ ภิกขุ” อ่านภาษาอังกฤษออกหรือเปล่า สันนิษฐานว่า “คงอ่านไม่ออก”
Dr Tucker, associate professor of psychiatry
at the University of Virginia, has written in his upcoming book about the
experiences of American children who he believes have been reincarnated
เรื่องนี้
มาจากหนังสือของ Dr
Tucker ของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
และนักข่าวต่างๆ เขาก็สนใจทำข่าวกันมากมาย
อาจารย์มหาวิทยาลัย
กับผู้สื่อข่าวอเมริกันนั้น
มันเชื่อถือไม่ได้เลยหรือไง
หลวงพี่ “เตชปัญโญ ภิกขุ”
ท่านไม่เชื่อเรื่องนี้
ท่านก็ตะแบงไปเลย
ขอให้ไปตะแบงในนรกต่อก็แล้วกัน